ปฏิทิน

ราตรีชมพูอมส้ม

ME

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

*** 1 นาทีเพื่อการลดน้ำหนัก ***



สิ่งเดียวที่คุณต้องการก็คือเวลาหนึ่งนาที เพื่อเริ่มการกำจัดน้ำหนักส่วนเกิน และต่อไปนี้คือกลยุทธ์แสนง่ายดาย ในการตัดลดแคลอรี่และเผาผลาญไขมันอย่างได้ผล ซึ่งใช้เวลาเพียง 60 วินาที หรือน้อยกว่านั้น




1. เจือจางน้ำผลไม้ ผสมน้ำผลไม้ที่คุณโปรดปราน (ครึ่งหนึ่งของปริมาณที่คุณเคยดื่ม) กับน้ำเปล่าหรือน้ำแร่แบบมีฟอง คุณสามารถตัดลดแคลอรี่ลงไปได้อย่างน้อย 85 แคลอรี่ ต่อแก้ว ซึ่งหมายถึง 2 กิโลในหนึ่งปี


2. เคี้ยวหมากฝรั่ง งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ค้นพบว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาลตลอดทั้งวันเพิ่มอัตราการผลาญได้ราว 20 % ที่สามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าปีละ 10 ปอนด์




3. จิบชาเขียวก่อนออกไปเดิน คาเฟอีนช่วยปลดปล่อยกรดไขมันของคุณ จึงเผาผลาญไขมันได้ง่ายกว่า และโพลีฟีนอล (ที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์) ในชาเขียวก็ดูจะทำงานร่วมกับคาเฟอีนในการเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ (ถ้าคุณความดันโลหิตสูง อย่าใช้เคล็ดลับนี้)




4. หลอกต่อมรับรส การจิบยาแก้ไอรสเมนธอลหรือยูคาลิปตัสจะช่วยระงับอาการอยากอาหารได้อย่างชะงัดในทันที




5. เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน การเติมพริกลงในอาหารจะทำให้คุณทานอาหารช้าลง และพริกยังช่วยเพิ่มการผลาญพลังงานอีกด้วย




6. อย่าอยู่เฉย การขยับแข้งขยับขาหรืออยู่ไม่สุขตลอดเวลาจะช่วยคุณเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น ซึ่งอาจมากถึงวันละ 700 แคลอรี่เลยล่ะ




7. เช่าหนังผีมาดู คุณมีความอยากอาหารน้อยลงเวลาที่กลัว แต่จะกินมากขึ้นถ้าโกรธหรือมีความสุข




8. มองตัวเอง งานวิจัยบอกว่า การมองตัวเองในขณะกินอาหาร อาจทำให้คุณกินน้อยลงได้ 22-32 เปอร์เซ็นต์




9. วิดพื้น ก่อนที่คุณจะเปิดถ้วยไอศกรีม วางมันลงก่อนแล้วก็ทำท่าวิดพื้นซัก 10 ครั้ง การทำกิจกรรมทางกายบางอย่างจะทำให้คุณสำนึกถึงเป้าหมายของคุณขึ้นมาได้




10. ดมกลิ่น เวลาที่อยากกินขนมเค้กหรือคุกกี้หอมกรุ่นพวกนั้นเหลือเกิน ลองทำแบบนี้ดู สูดกลิ่นมันสัก 30 วินาที ก่อนกิน มันจะเป็นการตอบสนองต่อความอยากที่จะช่วยให้คุณหยุดกินได้แค่คุกกี้ชิ้นเดียว




11. กินปลา ปลาที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น ทูน่า แม็กครีล และแซลมอน อาจช่วยคุณลดน้ำหนักได้ด้วยการเผาผลาญไขมันให้ดีขึ้น คนที่น้ำหนักเกิน ซึ่งกินอาหารแคลอรี่ต่ำที่มีปลาด้วยทุกวัน ลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ได้กินปลาเลยราว 20 %

*** 4 อาหาร ที่ทำให้หน้าท้องแบนราบ ***


"แคลอรี่"..ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้หน้าท้องเพิ่มหรือลด แต่อาหารบางอย่างดูจะมีผลต่อไขมันกลางลำตัวของเรามากกว่า

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เชี่ยวชาญจากการศึกษาแบบต่อเนื่องของ Framingham Nutrition รายงานว่า ผู้หญิงที่กินน้อยลงไปเกือบ 400 แคลอรี่ ต่อวัน แต่เลือกอาหารที่มีสารอาหารน้อย มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสองเท่าครึ่งในการมีหน้าท้องใหญ่ขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่กินมากกว่าแต่กินอาหารที่ดีกว่า คุณจึงไม่จำเป็นต้องอดอาหาร เพียงแต่ต้องรู้จักเลือกอาหารให้มากขึ้น เพื่อปราบหน้าท้องให้อยู่ในที่ในทาง นั่นก็คือ 4 อาหาร ต่อไปนี้
1. ผักและผลไม้ ผู้หญิงลดขนาดเอวได้ด้วยการแทนที่อาหารที่เป็นแป้งขัดขาวและน้ำตาลด้วยคาร์โบไฮเดรตจากผักและผลไม้โดยเฉพาะที่มีสีส้ม นี่เป็นการรีวิวจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน นอกเหนือจากเส้นใยอาหารที่ทำให้คุณรู้สึกอิ่มยาวนานกว่า นักวิจัยยังคาดว่าแอนตี้ออกซิแดนท์ อย่างเช่น วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนคือสิ่งที่ช่วยกำจัดไขมันหน้าท้องออกไปได้

2. โปรตีน การกินโปรตีนมากขึ้นทำให้คุณอิ่มและเพิ่มพลังงานซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักโดยรวม และสำหรับคนที่อายุมากกว่า 40 จะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้เป็นพิเศษ นี่เป็นผลการค้นพบของวิทยาลัยสกิดมอร์และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน แต่งานวิจัยชี้ว่าการกินโปรตีนในปริมาณสูงๆ อาจทำให้ไตทำงานหนัก เพราะอาจทำให้เกิดการสูญเสียแคลเซียมได้ ควรตั้งเป้ารับแคลอรี 25 % จากโปรตีน (ถ้าคุณกินวันละ 2,000 แคลอรี่ นั่นก็คือ 500 แคลอรี่ จากโปรตีน) และเลือกโปรตีนแบบไร้ไขมัน อย่างเช่น โยเกิร์ตไขมันต่ำ นมไร้ไขมัน ปลาและสัตว์ปีกไร้หนัง ถั่วเป็นแหล่งที่ดีอีกอย่างหนึ่งแต่อาจมีแคลอรี่ค่อนข้างสูง

3. เซเลเนียม นี่เป็นแร่ธาตุที่ช่วยต่อสู้มะเร็ง และเชื่อมโยงกับไขมันหน้าท้อง จากการสำรวจคนอเมริกันมากกว่า 8,000 คน คนที่มีระดับเซเลเนียม และแอนตี้ออกซิแดนท์อื่นๆ ในเลือดน้อยกว่า จะมีรอบเอวที่ใหญ่กว่า เซเลเนียมพบในอาหารหลายชนิด แต่มันอาจยากที่จะรู้ว่าคุณได้รับปริมาณครบตามที่แนะนำหรือเปล่า (55 ไมโครกรัม) เพื่อให้ได้ปริมาณตามต้องการ ลองกินวิตามินเสริมหรือกินอาหารให้หลากหลาย

4. ไขมันที่ดี การวิจัยชิ้นหนึ่งของสเปนชี้ให้เห็นว่า มันง่ายกว่าที่จะรักษาความผอมเพรียวด้วยการกินไขมันแบบไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (เช่น น้ำมันมะกอก) และโอเมก้า-3 (ส่วนใหญ่พบในปลา แต่ก็มีในเมล็ดต้นแฟลกซ์ น้ำมันวอลนัตและเต้าหู้) ในขณะที่ไขมันเมก้า-6 (มีมากในซีเรียลน้ำมันข้าวโพด และไข่ ) เป็นเหตุให้ไขมันหน้าท้องเพิ่มพูนแต่ไขมันที่ควรกำจัดโดยสิ้นเชิงก็คือ ไขมันทรานส์ที่ไม่มีคุณค่าทางอาหาร ในการศึกษาของมหาวิทยาลัยเวกฟอเรสต์ ลิงที่กินอาหารแบบที่คนอเมริกาทั่วไปกินเป็นเวลา 6 ปี มีน้ำหนักมากขึ้นเทียบเท่ากับน้ำหนักมนุษย์ 10 ปอนด์ ถ้าไขมันที่พวกมันกินคือ ไขมันทรานส์อย่างเดียว เทียบกับพวกที่กินไขมันที่เพิ่มขึ้น 30% นั้นจะเพิ่มขึ้นในส่วนของหน้าท้องด้วย

7 สิ่งที่ไม่ควรดื่มกิน ขณะท้องว่าง


1. เหล้า กระเทียม เพราะ 2 สิ่งนี้จะยิ่งกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

2. น้ำตาลหรืออาหารหวาน เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต เพราะจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาล ส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิด และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต

3. ชาแก่ ทำให้กรดเกลือของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง เกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง

4. ลูกพลับ เป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามาก ทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

5. กล้วย เพราะจะเพิ่มธาตุแมกนีเซียมในเลือดให้สูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียม เป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก

6. ผัก หากรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้ท้องอืด

7. นมและนมถั่วเหลือง แม้จะอุดมด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการย่อยและดูดซึมก็ต่อเมื่อในกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่

“มหัศจรรย์สมุนไพรไทย ต้านโรคคนเมืองอยู่หมัด”



คนสมัยนี้เป็นอะไรนิดหน่อยก็ชอบกินยา แถมยังเชื่อผิดๆว่า อยากมีสุขภาพดีชีวิตยืนยาว ต้องโด๊ปอาหารเสริม และวิตามินเยอะๆ เจ้าแม่วงการอาหารเมืองไทย “คุณหรีด-รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์” ยืนยันจากประสบการณ์ทั้งชีวิตว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรจะมหัศจรรย์เท่ากับสมุนไพรไทย…เชื่อคุณหรีด!! ทั้งราคาถูก ปลูก เองก็ง่าย และเป็นยาสามัญประจำบ้าน ที่ต้านโรคภัยได้สารพัดนึก โรคมะเร็ง ถือเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยสูงเป็นอันดับสาม รองจากโรคหัวใจ และอุบัติเหตุ เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์, ความบกพร่องทางพันธุกรรม, สิ่งแวดล้อม, อาหาร รวมถึงความเครียด และการใช้ ชีวิตเร่งรีบของคนเมือง “มะเร็ง” กลัวสมุนไพรไทย อยู่หลายตัวค่ะ เพราะมีสารอาหารต้านโรคร้ายได้น่าทึ่ง ใครอยากห่างไกลมะเร็ง แนะนำให้ทาน กระเทียม และผักจำพวกหอม ซึ่งอุดมด้วยซัลเฟอร์ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต้านทานมะเร็งโดยธรรมชาติ ขณะที่ ผักจำพวกกะหล่ำปลี มีสารต้านทานมะเร็งในลำไส้ และช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วน ขมิ้นขาวและขมิ้นชัน นอกจากจะมีสรรพคุณขับลมในลำไส้แล้ว ยังมีสารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ด้วย สำหรับสาวๆควรทาน ผลไม้จำพวกส้ม เป็นประจำ เพราะช่วยล้างสารก่อมะเร็ง และยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านม แพทย์ทางเลือกยังได้ค้นพบความมหัศจรรย์ของ มะรุม สมุนไพรไทยแท้ๆ ว่ากันว่า หากทานอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง [...]