ปฏิทิน

ราตรีชมพูอมส้ม

ME

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

อันตรายที่มากับความหวาน


1. ภาวะเลือดเป็นกรดเกิดจากการที่มีน้ำตาลเชิงเดี่ยวจากน้ำตาลทราย น้ำผึ้ง ผลไม้ นม วิ่งเข้าสู่กระแสเลือดเป็นจำนวนมาก จนทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรด ร่างกายต้องแก้ปัญหาโดยการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่างๆ เข้ามาในเลือด เพื่อปรับความเป็นกรดให้สมดุล ร่างกายจึงขาดสารอาหารจนอ่อนเพลีย หมดเรี่ยวหมดแรง กระดูกเปราะ นี่คือเหตุผลว่าทำไมสาวหวานถึงได้บอบบาง ป่วยง่ายหายช้ากันนัก
2. ฟันผุคนที่มีน้ำตาลเกาะอยู่ที่ผิวเคลือบฟันตลอดวัน มักจะฟันผุและมีกลิ่นปาก เพราะคราบน้ำตาลที่เกาะอยู่ก็คืออาหารโต๊ะจีนสุดหรูท ี่แบคทีเรียในช่องปาก ช้อบ..ชอบ
3. อารมณ์เสีย หงุดหงิด ขี้โมโหนี่คือลักษณะเด่นของคนที่ชอบความหวานเลยเชียว เพราะการมีน้ำตาลในเลือดมากทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนัก และขับอินซูลินออกมามากเกินไป เมื่อมีอินซูลินในสมองมาก เราจะเครียดจนกลายเป็นคนขี้โมโห ควบคุมอารมณ์สติไม่ค่อยได้
4. ง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลาเมื่อมีน้ำตาลในเลือดมากจนเลือดเป็นกรด ร่างกายจะไม่ส่งเลือดแบบนั้นขึ้นไปเลี้ยงสมอง ทำให้สมองขาดเลือด เราจึงง่วงซึม คิดอะไรไม่ออกไปทั้งวัน

อ้วน น้ำหนัก - คุณควรรับประทานอาหารที่มีสัดส่วน ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรตเท่าใด


อ้วน น้ำหนัก - คุณควรรับประทานอาหารที่มีสัดส่วน... มีข้อถกเถียงกันครับ ระหว่างสัดส่วนของอาหารแบบใดที่มีประสิทธิภาพมากกว่ากันในการลดน้ำหนัก ผมหมายถึงสัดส่วนระหว่าง ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตครับ มีการทดลองมากมายที่พบว่าอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โปรตีนสูง ( เช่น Atkins' Diet ) ช่วยให้ลดน้ำหนักที่ 3 ถึง 6 เดือนได้มากกว่าการรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ แต่หลังจากนั้นในระยะยาวไม่แตกต่างกัน
ในทางตรงกันข้ามมีบางการศึกษาครับที่พบว่าการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตสูง - ไขมันต่ำมาก ช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่าการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตปานกลาง - ไขมันต่ำ มีการศึกษาที่พบว่าการรับประทานอาหารไขมันต่ำช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่าการรับประทานอาหารแบบไขมันปานกลาง และก็มีการศึกษาที่พบว่าการรับประทานคาร์โบไฮเดรตต่ำลดน้ำหนักได้ดีกว่าการรับประทานอาหารไขมันต่ำ
มีการศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารโปรตีนสูง หรือโปรตีนต่ำก็ไม่แตกต่างกัน
คำถามครับ คนอ้วนควรรับประทานอาหารที่มีสัดส่วนอย่างไร ?
มีการศึกษาหนึ่งครับที่ให้อาสาสมัครที่อ้วน 811 ราย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม รับประทานอาหารที่มีสัดส่วนพลังงานจากไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตดังต่อไปนี้ครับ
· กลุ่มที่ 1 ไขมัน 20% โปรตีน 15% คาร์โบไฮเดรต 65% ( ไขมันต่ำ โปรตีนปานกลาง )
· กลุ่มที่ 2 ไขมัน 20% โปรตีน 25% คาร์โบไฮเดรต 40% ( ไขมันต่ำ โปรตีนสูง )
· กลุ่มที่ 3 ไขมัน 40% โปรตีน 15% คาร์โบไฮเดรต 45% ( ไขมันสูง โปรตีนปานกลาง )
· กลุ่มที่ 4 ไขมัน 40% โปรตีน 25% คาร์โบไฮเดรต 35% ( ไขมันสูง โปรตีนสูง )
โดยที่ส่วนประกอบของอาหารแต่ละกลุ่มใช้เหมือนกัน แต่ใช้สัดส่วนที่ต่างกัน และเปรียบเทียบระหว่างไขมันสูง - ไขมันต่ำ, โปรตีนสูง - โปรตีนต่ำ และเปรียบเทียบระหว่างคาร์โบไฮเดรตสูง - คารโบไฮเดรตต่ำ โดยที่มีไขมันอิ่มตัวที่ต่ำไม่เกิน 8% และให้ได้ใยอาหารอย่างน้อย 20 กรัมต่อวัน โคเลสเตอรอลน้อยกว่า 150 มิลลิกรัมทั้งสี่กลุ่ม
อาสาสมัครทั้งสี่กลุ่มจะได้รับการชั่งน้ำหนักและวัดรอบเอว และอาสาสมัครจะได้รับแบบสอบถามถึงอาการ เช่น ความหิว พฤติกรรมการรับประทานอาหาร ก่อนเริ่มการทดลอง และที่ 6 เดือน - 2 ปี
อาสาสมัครจะถูกเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดระดับน้ำตาล อินซูลิน เพื่อมองหาภาวะแทรกซ้อนจากความอ้วน เช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
ผลปรากฎครับว่าระยะเวลา 6 เดือน อาสาสมัครในแต่ละกลุ่มลดน้ำหนักลงเฉลี่ยได้ 6 กิโลกรัม ( ประมาณ 7% ของน้ำหนักตัว )
หลังจากนั้นอีก 2 ปี น้ำหนักที่ลดลงพอๆ กันทั้งในกลุ่มที่รับประทานโปรตีน 15% และในกลุ่มที่รับประทานโปรตีน 25% ครับ
และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่รับประทานคาร์โบไฮเดรต 65% และในกลุ่มที่รับประทานคาร์โบไฮเดรต 35% นั้นก็ไม่แตกต่างกัน
น้ำหนักที่ลดลงเร็วมากกว่าในกลุ่มที่รับประทานไขมันต่ำ ในขณะที่การรับประทานโปรตีนที่มากขึ้นก็ช่วยให้น้ำหนักลดลงได้เร็วกว่าด้วยเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดไม่แตกต่างกันในระยะยาว
ทีนี้มาดูความเสี่ยงของอาหารในแต่ละกลุ่มกันบ้างครับ
ในกลุ่มที่ 1 นั้นสามารถลดระดับโคเลสเตอรอลชนิดเลว ( LDL ) ได้มากกว่าในกลุ่มที่ 4 ( 5% ต่อ 1% ) ( อาหารไขมันต่ำลดระดับโคเลสเตอรอลได้มากกว่าอาหารไขมันสูง )
ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ไม่แตกต่างกันระหว่างกลุ่ม
ทุกกลุ่มยกเว้นกลุ่มที่ 1 สามารถช่วยลดระดับอินซูลินลงได้ โดยเฉพาะอาหารโปรตีนสูง
ความดันโลหิตไม่แตกต่างระหว่างกลุ่ม
ผลข้างเคียง
ไม่แตกต่างระหว่างกลุ่ม แต่ในกลุ่มที่รับประทานโปรตีนปานกลางถึงสูงจะพบว่ามีโปรตีนปนออกมาในปัสสาวะ
สรุปจากงานวิจัยชิ้นนี้ครับ
ในการลดน้ำหนัก สัดส่วนระหว่าง ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรตเท่าใดอาจไม่มีผลในการลดน้ำหนักในระยะยาว การรับประทานอาหารไขมันต่ำ หรือโปรตีนสูงมากขึ้น อาจช่วยให้ลดน้ำหนักลงได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ท้ายที่สุดนั้นในระยะยาวอาจไม่แตกต่าง แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าในการลดน้ำหนักคือ การควบคุมแคลอรี่ให้ได้ต่างหากครับ
แต่ว่าสิ่งที่กำหนดว่าคุณควรรับประทานอาหารเช่นใด ให้มาดูเรื่องความเสี่ยงกันดีกว่าครับ อาหารไขมันต่ำช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลได้มากกว่าอาหารไขมันสูง ตรงนี้คือกุญแจครับ ความอ้วนไม่ใช่แค่เรื่องน้ำหนักที่เกิน แต่ยังเป็นเรื่องของสุขภาพด้วย ดังนั้นคุณควรรับประทานอาหารที่มีไขมันให้น้อยลงด้วยครับ
และนอกจากนี้ถ้าคุณเป็นเบาหวาน การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณสูงขึ้นด้วยครับ
อาหารประเภทโปรตีน กับอาหารประเภทไขมันค่อนข้างจะแยกกันยากครับ เพราะการรับประทานโปรตีนมากขึ้นก็ย่อมหมายความว่าคุณจะได้รับไขมันอิ่มตัวจากสัตว์มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ประเด็นคือคุณไม่ควรรับประทานอาหารประเภทใดประเภทหนึ่งแบบสุดโต่ง เพราะการรับประทานอาหารไขมัน โปรตีน หรือคาร์โบไฮเดรตแบบสุดโต่งเกินไป ไม่ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ในระยะยาว
· อาหารคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำ ย่อมหมายถึงคุณรับประทานอาหารไขมัน - โปรตีนสูงขึ้น ผลคือระดับโคเลสเตอรอลในเลือดของคุณก็จะสูงขึ้น
· อาหารคาร์โบไฮเดรตสูง ทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น
· อาหารไขมันสูง แน่นอนครับระดับโคเลสเตอรอลในเลือดก็จะสูงขึ้น
· อาหารโปรตีนสูง ก็ย่อมที่จะมีไขมันสูง และจะทำให้คุณมีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดที่สูงขึ้น
อาหารคาร์โบไฮเดรตสูง ทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น
อาหารไขมันสูง แน่นอนครับระดับโคเลสเตอรอลในเลือดก็จะสูงขึ้น
อาหารโปรตีนสูง ก็ย่อมที่จะมีไขมันสูง และจะทำให้คุณมีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดที่สูงขึ้น
ดังนั้นผมแนะนำสัดส่วนของอาหารที่สมดุล คือ กุญแจในการลดน้ำหนักแลุะสุขภาพที่ดีครับ
ในการลดน้ำหนัก ไม่ใช่แค่น้ำหนักตัวเท่านั้นครับ คุณยังต้องกำจัดปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลต่อหัวใจของคุณด้วยครับ

น้ำหนัก - เรื่องของยาลดน้ำหนัก Orlistat ( Xenical )


อ้วน น้ำหนัก - เรื่องของยาลดน้ำหนัก Orlistat ( Xenical ) ความอ้วนเป็นปัญหาที่มักต้องการการรักษาครับ กล่าวโดยสรุปก็คือพลังงานที่ได้รับเข้าไปมากเกินกว่าการใช้พลังงานของร่างกาย ปัญหาของความอ้วนได้แก่ โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตัน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน โคเลสเตอรอล/ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง มะเร็งบางชนิด ข้อเข่าอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี
แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะควบคุมอาหารและตนเองไม่ได้ ( หรือจะบอกกับผมว่าไม่จริง และการเพิ่มการออกกำลังกายก็เป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่การควบคุมน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน )
อ้วน โดยทั่วไปแล้วผู้ที่พยายามที่จะลดน้ำหนักมักจะพยายามแสวงหาวิธีการต่างๆ ที่จะช่วยให้ตนลดน้ำหนัก เช่นการใช้อุปกรณ์ช่วย การควบคุมโดยการอดอาหาร การให้เพื่อนช่วย การใช้ยาลดน้ำหนัก การผ่าตัด การใช้อาหารเสริม หนึ่งในนั้นก็จะมียาลดน้ำหนักครับที่มีชื่อว่า Oristat
ในทางการแพทย์ก็จะมีวิธีการลดน้ำหนักครับได้แก่การใช้ยา ซึ่งยาส่วนใหญ่นั้นได้ถูกถอนออกจากตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมียาที่มีชื่อว่า sibutramine ที่ยังใช้กันอยู่ ในบางคนอาจมีข้อบ่งชี้สำหรับการผ่าตัดลดน้ำหนัก การผ่าตัดนั้นสามารถช่วยให้น้ำหนักลดลงได้มากกว่า 50% ช่วยลดระดับน้ำตาล ลดโคเลสเตอรอลในเลือดได้มาก แต่แน่นอนครับก็ยังมีความเสี่ยงจากการผ่าตัดอยู่
Oristat
อ้วน Oristat เป็นยาที่มีตัวยา Xenical วางตลาดตั้งแต่ปี 1999 กลไกก็คือยับยั้งการสร้างเอนไซม์ไลเปสในทางเดินอาหารครับ เอนไซม์ไลเปสทำหน้าที่ในการย่อยไขมัน ดังนั้นไขมันจะไม่ถูกย่อย ไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด โดยทั่วไปแล้วปริมาณไขมันจะลดปริมาณการถูกดูดซึมลงไปราว 30%
ถามว่ายา Oristat หรือ Xenical ลดน้ำหนักได้มากเพียงใด ตามการวิจัยเฉลี่ยลดได้เฉลี่ยที่ประมาณ 10% ของน้ำหนักตัวครับ ถ้าคุณต้องการลดมากกว่านั้นอย่างไรก็ต้องออกกำลังกายเพิ่มเติมด้วยครับ
ผลข้างเคียงของ Orlistat
อ้วน ผลข้างเคียงนั้นเกิดขึ้นเนื่องมาจากกลไกการทำงานของตัวมันเองครับ เมื่อไขมันไม่ถูกย่อย และไม่ถูกดูดซึมก็จะออกมาพร้อมกับอุจจาระ ทำให้อุจจาระนั้นมีไขมันปนออกมาอาจจะมีอุจจาระออกมาก และควบคุมปริมาณการขับถ่ายได้ลำบาก และปวดท้องได้ครับ
ผู้ป่วยที่รับประทานยา Oristat อาจต้องรับประทานวิตามินเสริมครับ ที่มีส่วนประกอบของเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ ดี อี เค ด้วยครับ เนื่องจากยา Orlistat ลดการดูดซึมของไขมันจึงทำให้ลดการดูดซึมของวิตามินเหล่านี้ลงไปด้วย อาจทำให้คุณขาดวิตามินเหล่านี้ได้
อ้วน วิธีการลดผลข้างเคียงที่เกิดจากยา Orlistat ก็คือการลดอาหารที่มีไขมันครับ ซึ่งจะทำให้ไขมันออกมาทางอุจจาระมีปริมาณที่ลดลงได้